28 พ.ย.ตอกเสาเข็มรันเวย์ 2สนามบินอู่ตะเภา -การบินไทยจ่อเสนอบอร์ด เช่าที่210 ไร่ ทำศูนย์ซ่อมบำรุง

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกในส่วนของโครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ว่า จะมีการเริ่มต้นการก่อสร้างในวันที่ 28 พ.ย.2568 นี้ โดยในส่วนรันเวย์ช่วงที่มีอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ลอดอยู่ด้านใต้นั้นจะมีกรอบระยะเวลาที่สามารถรอได้ประมาณ 18 เดือน ไม่มีผลกระทบต่อการเริ่มต้นก่อสร้างรันเวย์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภาได้เริ่มก่อสร้าง หลังจากนี้ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ภายใต้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ที่มีบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เป็นผู้รับสัมปทาน จะได้เริ่มต้นก่อสร้างตามไป รวมถึงโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ด้วย

สำหรับโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภานั้นกองทัพเรือ (ทร.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2568 วงเงินสัญญาประมาณ 13,143 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,095 วัน
นายจุฬา กล่าวว่า ในส่วนของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ความคืบหน้าขณะนี้ ได้เจรจากับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการเช่าพื้นที่ 210 ไร่ ลงทุนพัฒนาเรียบร้อยแล้ว โดยมีขั้นตอนที่ การบินไทย จะนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯก่อน คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาเช่าได้ในเดือน ม.ค. 2569 นี้
เบื้องต้น การบินไทยแจ้งว่า จะเป็นผู้ยื่นการลงทุนโครงการ MRO โดยตั้งบริษัทลูก ขึ้นมาดำเนินโครงการ ส่วนจะมีการร่วมทุนกับใครเพิ่มเติมอย่างไร เป็นรายละเอียดของการบินไทย โดยประเมินมูลค่าโครงการไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญาเช่า 50 ปี
สำหรับโครงการ MRO นี้ จะมีผลตอบแทน2 ส่วนคือ ค่าเช่าพื้นที่ และการแบ่งปันผลประโยชน์ จากส่วนแบ่งรายได้แบบขั้นบันได โดยช่วงปีที่ 1-4 เป็นการเริ่มต้นโครงการ จะเก็บค่าเช่าพื้นที่อย่างเดียว และเริ่มคิดส่วนแบ่งรายได้ในปีที่ 5 โดยกำหนดอัตราดังนี้ ปีที่ 5-10 คิดส่วนแบ่งรายได้ 3% ,ปีที่ 11-15 คิดส่วนแบ่งรายได้ 5% และปีที่ 15 เป็นต้นไป คิดส่วนแบ่งรายได้ 7%
นายจุฬากล่าวว่า หลังมีการลงนามร่วมกันในเดือน ม.ค. 2569 แล้วจะเป็นขั้นตอนที่ทางการบินไทยจะดำเนินการ ทั้ง เรื่อง การออกแบบและก่อสร้าง และการขออนุญาตต่างๆ รวมถึงการหาซัพพลายเออร์ ลูกค้า เป็นต้น ส่วนจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปี2569 เลยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ การบินไทยเพราะถือว่าได้เช่าพื้นที่ไปแล้วหากเริ่มเร็วก็จะมีรายได้เร็วไปด้วย
นายจุฬากล่าวว่า โครงการ MRO นี้ จะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และรองรับการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ในระดับการซ่อมใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีที่ ประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นเมื่อ MRO เกิดขึ้น จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งการผลิตชิ้นส่วน ของเครื่องบินและซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกคิดเป็นมูลค่ามหาศาล และหลังจากนี้ EEC จะมีการเปิดพัฒนาพื้นที่อีกประมาณ 50 ไร่ ใกล้กับ MRO เพื่อรองรับเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) อีกด้วย
รายงานข่าว แจ้งว่า ล่าสุด การบินไทยดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ Thai MRO Group Company Limited และ Thai MRO Services Company Limited เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยทั้งสองบริษัทมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 1 ล้านบาท (ประมาณ 30,997 ดอลลาร์สหรัฐ) และทุนชำระแล้วเริ่มต้นที่ 250,000 บาท (ประมาณ 7,749 ดอลลาร์สหรัฐ) และถือหุ้นโดยการบินไทย 100%บริษัทใหม่ทั้งสองถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO)
