Friday, 19 December 2025 | 8 : 15 pm
Friday, 19 December 2025
8 : 15 pm

อุมัติไม่ทัน “ทางด่วน50บาท”- กทพ.ปรับแบบ “Double Deck”เร่งหารือ3ฝ่ายด่วนงามวงศ์วาน-เปิดประมูลด่วนกระทู้ ม.ค.69

“พิพัฒน์” แจงทางด่วน50 บาท ของขวัญปีใหม่ทำไม่ได้ให้รอรัฐบาลใหม่ ด้านกทพ.เตรียมหารือDouble Deck กับกทม.-ตำรวจ เพิ่มทางลงพระราม9 ลดการจราจรติดขัด ส่วนทางด่วนถนนงามวงศ์วาน- แนวถนนเชื่อมตะวันออก-ตก นัดหารือ 3 ฝ่ายร่วมหาทางออก ยันสร้างแน่นอนด่วนกระทู้-ป่าตอง เปิดประมูล ม.ค.69

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า แนวทางในการลดค่าผ่านทางด่วนของ การพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในอัตราไม่เกิน 50 บาท ตลอดสาย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ประชาชน ยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากขั้นตอนยังไม่แล้วเสร็จ โดยอยู่ในโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck)  ที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP ) เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2562  ซึ่งขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่

ส่วนการปรับขึ้น ค่า Passenger Service Charge (PSC) ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 730 บาท เป็น 1,120 บาทต่อคนสำหรับท่าอากาศยาน 6 แห่ง ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)​หรือ ทอท.นั้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) มีมติเห็นชอบไปแล้ว ตามขั้นตอน จะต้องเสนอให้รมว.คมนาคมลงนามในประกาศ ซึ่งขณะนี้เรื่องยังไม่เสนอเข้ามา แต่เนื่องจากมีการยุบสภา สถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ การจะลงนามที่มีผลผูกพันอาจจะต้องรอรัฐบาลใหม่หรือไม่ เรื่องนี้หากมีการเสนอเข้ามาก็จะเสนอไปที่ครม.เพื่อให้สอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะสามารถลงนามประกาศปรับค่า PSC ได้หรือไม่ 

ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า โครงการทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการ PPP ซึ่งมีคำถามเพิ่มเติมหลายประเด็น ซึ่งกทพ.ยังอยู่ระหว่างการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมไปยังสคร.และคณะกรรมการ PPP นอกจากนี้ จะมีการหารือเพิ่มเติมกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) และตำรวจจราจร ในการเพิ่มทางขึ้นลงจากดับเบิ้ลเด็กซ์กับถนนด้านล่างบริเวณพระราม 9  เพื่อแก้ปัญหาจราจรบนทางด่วนที่สมบูรณ์

@เปิดเวทีฟังความเห็น 3ฝ่าย สร้างทางด่วนเชื่อมฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ)

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2568 ที่เห็นชอบในหลักการการเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการแก้ไขปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษในภาพรวมทั้งระบบ  ส่วนที่มีรูปแบบการให้ปรับเปลี่ยน อุโมงค์แยกเกษตร – ถนนงามวงศ์วาน – สะพานพงษ์เพชร ให้เป็นระบบทางด่วนแบบกั้นช่องจราจร นั้น ยังเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งแนวทางนี้เจตนารมณ์คือต้องการให้การจราจรไหลต่อเนื่อง รถที่มาจากลาดปลาเค้า ลงอุโมงค์แยกเกษตร วิ่งตรงต่อเนื่องไปแคราย จึงจะกั้นช่องจราจรแยกรถไม่ให้ตัดกระแสกัน

ทั้งนี้ บริเวณแยกเกษตร – ถนนงามวงศ์วาน ที่ผ่านมากทพ.ได้ทำการศึกษาและทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาตลอด และย้ำว่า กทพ.ให้ความสำคัญกับประชาชนที่สัญจรผ่าน ประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเท่ากัน โดยหลักของกทพ.คือมองประโยชน์ของภาพรวม  การทำโครงการทางด่วน ยอมรับว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสียเห็นด้วย 100%

โดยจากการศึกษาแนวทางมี  3 ทางเลือก ในการดำเนินการก่อสร้าง คือ 1. ก่อสร้างทางด่วนยกระดับ อยู่เหนือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล  (แคราย-ลำสาลี)  2. ก่อสร้างเป็นอุโมงค์ทางด่วน และ 3. เป็นทางวิ่งระดับดินบางช่วงและยกระดับบางช่วง โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐ   กระทรวงคมนาคม และ กทพ. , ภาคประชาชน  ,  ม.เกษตร โดยนำรูปแบบ 3 โมเดล มาพิจารณาร่วมกันว่าแต่ละแนวทาง แต่ละฝ่ายมีผลกระทบหรือต้องการอย่างไรบ้าง เพื่อประเมินว่าแนวทางใด ที่มีผู้เห็นด้วยมากที่สุด เพื่อนำเสนอต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี 

นายสุรเชษฐ์ ย้ำว่า โครงการโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-ฉลองรัช หรือ โครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) หรือ ทดแทน N1 เดิม นั้น มีความสำคัญ เพราะปัจจุบัน โครงข่ายทางด่วนเชื่อมแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก ของกทม. มีด้านทิศใต้ จากบางนา-บางพลี และตรงกลาง คือทางด่วน  พระราม 9-ยมราช ส่วนด้านเหนือยังไม่มี จึงผลักดันโครงข่ายทางด่วนถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ เนื่องจากระบบทางด่วนสายนี้ จะเป็นการแยกจราจร สำหรับรถที่วิ่งไกลยกขึ้นไป แยกจากรถวิ่งใกล้  ทำให้ลดปัญหาการจราจรบนถนนเกษตรนวมินทร์

 “ เมื่อเปิดแนวทางทั้ง 3 ออกมาแล้ว ทำให้มีหลายมุมมอง หลายความเห็นที่อาจจะยังไม่มองไม่เห็นมาก่อน ดังนั้น กทพ.จะนำมาพิจารณาเพิ่มเติม ส่วนข้อกังวลของทางม.เกษตรฯ​เรื่องทางสิ่งแวดล้อมทางเสียงหรือฝุ่น ในอนาคต จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น และสามารถออกแบบ ทางด่วนช่วงผ่านม.เกษตรให้มีโดมครอบป้องกันเสียง ฝุ่นได้”

สำหรับ โครงการ ระยะที่ 1 โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก   ระยะทาง 6.67 กม.  (หรือ N2 เดิม)   มูลค่า 13,666 ล้านบาท สถานะปัจจุบันรอเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เนื่องจากยุบสภา คาดว่าจะมีการส่งเรื่องคืนกลับมาก่อนเพื่อรอเสนอรัฐบาลชุดใหม่

@ ทางด่วน “กะทู้-ป่าตอง” เปิดประมูล ม.ค. 69

สำหรับความคืบหน้าโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า คาดว่าจะเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้แล้ว โดยในเดือนม.ค. 2569 จะออกประกาศร่าง TOR รับฟังวิจารณ์ ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมที่จะประกาศ TOR ในเดือนธ.ค. 2568  และขายซองประมูลในเดือนก.พ. 2569 และคาดว่าจะได้ตัวผู้รับจ้างภายใน 6 เดือน

สำหรับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ให้มีการปรับปรุง โดยยกเว้นค่าผ่านทาง ในช่วงอุโมงค์ลอดเขานาคเกิด ระยะทาง 1.8 กม. เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนนั้น กทพ.รับนโยบาย  มาพิจารณาแล้ว โดยประสานกับสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าจะเห็นด้วยและจะสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมอย่างไร ในส่วนของกทพ.หากยกเว้นค่าผ่านทางช่วงอุโมงค์ลอดเขา รัฐอาจจะต้องสนับสนุน กทพ.ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ อุดหนุนค่าก่อสร้าง หรือ อุดหนุนค่าผ่านทาง ซึ่งตรงนี้ยังไม่ชัดเจน

นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง จะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2569  และแล้วเสร็จในปี 2574 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิมกำหนดเสร็จปี 2573 เล็กน้อย

ส่วน ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่–เกาะแก้ว–กะทู้   ระยะทางระยะทาง 30.62 กม. วงเงินลงทุน 46,752 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2568 ซึ่งหลังจากนี้ จะเสนอขอความเห็น จากครม.แลคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2570 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2574 พร้อมกับ โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง

โดยโครงการทั้ง 2 ระยะ  กทพ.มีการออกแบบรายละเอียด (Detail & Design)  แล้ว  มีระยะทาง 34.60 กม. ภาครัฐจะรับผิดชอบงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และกทพ. รับผิดชอบดำเนินการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา

ส่วนการก่อสร้างงานระบบ และ การบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation & Maintenance: O&M) ของโครงการทั้ง 2 ระยะ เช่น งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร เป็นต้น   จะให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ (PPP)  ตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 30 ปี มีมูลค่า รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดกทพ.อนุมัติแล้ว เตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP และครม.ต่อไป 

Lastest