Saturday, 13 December 2025 | 11 : 54 pm
Saturday, 13 December 2025
11 : 54 pm

ปี 68 กทท.กำไรพุ่ง7พันล้าน-บริการท่าเรือ,สินค้า,ตู้สินค้าโตต่อเนื่อง

การท่าเรือฯโชว์ตัวเลขกำไรปี 68 กว่า 7,000 ล้านบาท มีรายได้รวม 16,756 ล้านบาท รายจ่าย 9,660 ล้านบาท จากการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่า ทั้ง 5 แห่ง

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ( กทท.) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานด้านการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าของ กทท. ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือเชียงของ และท่าเรือระนอง ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) ภาพรวม กทท. มีเรือเทียบท่ารวม 15,113 เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.61% ปริมาณสินค้าผ่านท่ารวม 125.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.46% และปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวม 11.43 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 6.44% จากปีก่อน

สำหรับผลประกอบการท่าเรือหลักของ กทท. ได้แก่

1.ท่าเรือกรุงเทพ มีเรือเทียบท่า 4,460 เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.37% สินค้าผ่านท่า 18.92 ล้านตัน ลดลง 0.49% และมีปริมาณตู้สินค้า 1.28 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 0.18%

2.ท่าเรือแหลมฉบัง มีเรือเทียบท่า 10,653 เที่ยว เพิ่มขึ้น 3.50% สินค้าผ่านท่า 106.15 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.60% และมีตู้สินค้าผ่านท่า 10.15 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 7.28% ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคงของท่าเรือหลักของประเทศ แสดงถึงความพร้อมและประสิทธิภาพในการให้บริการของ กทท.

นอกจากนี้ ท่าเรือภูมิภาคของ กทท. ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน โดยท่าเรือระนอง มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า 5,459 ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นสูงถึง 95.24% และ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน มีสินค้าผ่านท่า 1.87 แสนตัน เพิ่มขึ้น 62.72% สอดคล้องกับการขยายตัวของการค้าชายแดนและเส้นทางโลจิสติกส์สู่ภูมิภาค BIMSTEC

ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายใต้สภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กทท. ยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคง โดย มีรายได้รวม 16,756 ล้านบาท รายจ่าย 9,660 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 7,096 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่าเรือ ทั้ง 5 แห่ง อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการ เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมขนส่งทางน้ำของประเทศในภาพรวม ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่าเรือไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการ เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมขนส่งทางน้ำของประเทศในภาพรวม”

ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2569 กทท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อวางรากฐานคมนาคม เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งทางน้ำและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพ โดยจะเร่งดำเนินการตามแผนสำคัญ ได้แก่ การติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาการจราจรโดยรอบพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบังให้มีความคล่องตัว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการพัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นท่าเรือสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

“กทท. ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนานทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยก้าวต่อไป กทท. ยังคงมุ่งดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมพลังอนาคตประเทศไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล”นายเกรียงไกร กล่าว

Lastest