“พิพัฒน์” เห็นชอบทอท.ขึ้นค่า PSC เที่ยวบินระหว่างประเทศ จาก730 เป็น 1,120 บ.ด้าน ทย.ขอปรับด้วยระหว่างประเทศ400 เป็น425 บ. ในประเทศ50เป็น75บ. ย้ำเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับสนามบินไทย ประชาชนได้บริการที่ดีและปลอดภัยขึ้น

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับอัตราค่าบริการผู้โดยสาร (Passenger Service Charges : PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่ เป็นอัตรา 1,120 บาทต่อคน จากปัจจุบันเก็บอัตรา 730 บาทต่อคน ขณะที่เส้นทางภายในประเทศยังคงอัตราเดิม 130 บาท
โดยให้ ทอท.นำส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ กพท. ตรวจสอบ และดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมชี้แจงอัตราที่เสนอปรับเพิ่มและเหตุผลความจำเป็น จากนั้นจึงรายงานผลต่อ กพท. ก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมกำหนดให้แจ้งประชาชนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 เดือนก่อนเริ่มจัดเก็บในอัตราใหม่
โดยทอท.ประเมินว่า มีผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 35 ล้านคน/ปี ซึ่งการปรับจาก 730 บาทต่อคนเป็น 1,120 บาทต่อคน เท่ากับมีส่วนเพิ่มอีก 390 บาทต่อคน ซึ่งจะทำให้ทอท.มีรายได้เพิ่มอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ในการลงทุนปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ รวมถึงการลงทุนพัฒนาขยายขีดความสามารถ พัฒนาขยายสนามบิน เช่น โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณ หรือเพิ่มภาระหนี้สาธารณะของประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประชาพิจารณ์ และสุ่มตัวอย่างผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชาวต่างชาติกว่า 90% ไม่ขัดข้องที่จะปรับขึ้นค่า PSC ส่วนผู้โดยสารที่เป็นคนไทยกว่า 85 % ที่เห็นด้วย ซึ่งการปรับขึ้นนี้ พิจารณาจากเหตุผลทั้งหมด และเพิ่มเฉพาะผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา”

สำหรับการปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) ที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เสนอเพื่อใช้ในท่าอากาศยานตรัง ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ทย. ปรับค่าบริการสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นไม่เกิน 425 บาทต่อครั้ง จากเดิม 400 บาท และสำหรับเส้นทางภายในประเทศเป็นไม่เกิน 75 บาทต่อครั้ง จากเดิม 50 บาท โดยจะเริ่มจัดเก็บได้เมื่อท่าอากาศยานตรังติดตั้งระบบ CUPPS และอุปกรณ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พร้อมเปิดให้บริการครบ 3 ระบบ ได้แก่ CUTE, CUSS และ CUBD ทั้งยังต้องผ่านการตรวจสอบความพร้อมโดย กพท. และแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 เดือนก่อนเริ่มเก็บค่าบริการในอัตราใหม่
ปัจจุบันมีสนามบินในสังกัด ทย.ทั้งหมด 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินพิษณุโลก ที่เก็บค่าบริการในอัตรานี้
ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศจากเดิม 15 บาทต่อผู้โดยสารต่อเที่ยว เป็น 25 บาทต่อผู้โดยสารต่อเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนและภารกิจด้านการกำกับดูแลตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายและข้อบังคับชุดใหม่ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และให้ความเห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอากาศยานที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนจะจัดหามาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการจากการจำกัดอายุของอากาศยาน เป็นไม่จำกัดอายุอากาศยานทุกประเภท ทั้งอากาศยานปีกแข็งและเฮลิคอปเตอร์ ที่จะจัดหามาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการการบินพลเรือน โดยมอบหมายให้ กพท. ทำความเข้าใจแก่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในมาตรการการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยของอากาศยานของ กพท. ที่เข้มงวดและรัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยการบินพลเรือนในระดับสากล และมอบหมายให้คณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายและข้อบังคับตรวจร่างข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือนฯ ที่ กพท. เสนอ ก่อน กพท. นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือนพิจารณาลงนามในร่างข้อบังคับ กบร. ต่อไป
ในด้านใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ บริษัทไทยสกาย บัลลูนนิ่ง จำกัด ได้รับใบอนุญาตการบินพลเรือนประเภทการทำงานทางอากาศ (การบินบัลลูนเพื่อชมภูมิประเทศและโฆษณา และเห็นชอบให้ บริษัทสยามแลนด์ ฟลายอิ้ง จำกัด ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนประเภทการขนส่งทางอากาศเพื่อการพาณิชย์แบบไม่ประจำ อายุ 5 ปี ตามเงื่อนไขที่กำหนด
