Sunday, 14 December 2025 | 5 : 36 am
Sunday, 14 December 2025
5 : 36 am

EEC อัพสกิล “สถานศึกษา-ผู้ประกอบการ”รับตลาดอุตสาหกรรมยั่งยืน

สกพอ. พาสื่อลงพื้นที่ดูของจริงผลงานการพัฒนาทักษะบุคลากร  ในสถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ รองรับความต้องการอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อดึงดูดการลงทุนสู่พื้นที่EEC อย่างต่อเนื่อง  

ปัจจุบันการพัฒนาทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน ตามหลักการ “ Demand Driven Human Resource Development” รองรับภาคอุตสาหกรรมมีความสำคัญยิ่ง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. จึงได้วางแนวทางการพัฒนาทักษะบุคลากร และการศึกษาในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ระหว่างวันที่ 20 – 21 พ.ย. 2568 นายจุฬา สุขมานพ  เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พร้อมด้วยผู้บริหารฯ ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ EEC ในจังหวัดชลบุรี เพื่อเยี่ยมชมและติดตามผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาทักษะบุคลากร สามารถทำงานได้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างบุคลากรตรงกับความต้องการอุตสาหกรรมเป้าหมาย ช่วยสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนจากทั่วโลก เข้ามาลงทุนในพื้นที่EEC มากขึ้น และสามารถเชื่อมโยงการลงทุนไปสู่การพัฒนาพื้นที่และชุมชนอย่างยั่งยืน

นายจุฬา กล่าวว่า การพัฒนาคน ควรเริ่มจากสถานศึกษา ทางสกพอ. ก็ได้ประสานกับทางสถาบันการศึกษาอยู่ตลอด สนับสนุน ส่งเสริมการเรียน การสอน เพื่อให้ทางสถาบันพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมวันนี่นำคณะฯลงพื้นที่เพื่อให้เห็นถึงความตั้งใจและผลสัมฤทธิ์การพัฒนาบุคลการทุกมิติ

เริ่มต้นที่วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ  ที่นี่ก่อตั้ง เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2512  ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรีย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปี 2555 วิทยาลัยฯ ได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน แบบบูรณาการร่วมกับกาทำงาน (Work-Integrated Learning-WIL)ขึ้น ด้วยความร่วมมือของผู้ประกอบการ ภายใต้ชื่อ “สัตหีบโมเดล” เพื่อเป็นแนวทางการผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะและทักษะตรงตามความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขต EEC

วิทยาลัยฯได้เปิดสาขาช่างอากาศยาน  เป็น1ใน 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคถลาง ภูเก็ต วิทยาลัยเทคนิคการอาชีพขอนแก่น ได้รับรองการเป็นสถาบันฝึกอบรมนายช่างภาคพื้นดินจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย The Civil Aviation Authority of Thailand (CAAT) และได้ร่วมกับ สกพอ. พัฒนาศูนย์เครือข่ายการพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมอากาศยาน ภายใต้แนวทาง EEC Model Type A คือการผลิตบุคลากรพร้อมใช้ เอกชนร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียน ร้อยละ 100 และรับนักศึกษาเข้าฝึกงานในสถานประกอบการ  ที่มุ่งสร้างบุคลากรสายเทคนิคในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน โลจิสติกส์ และธุรกิจการบิน เป็นการเตรียมความพร้อมในการเป็นช่างเทคนิคและช่างซ่อมบำรุงอากาศยานที่มีทักษะสูง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบิน

ที่ผ่านมาวิทยาลัยฯสามารถผลิตบุคลากรด้านการบินสาขาช่างอากาศยานได้ 28 คนต่อปี สาขาธุรกิจการบิน 20 คนต่อปี และสาขาผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน 20 คนต่อปี และที่ผ่านมาวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้ผลิตบุคลากร โดยเฉพาะในสาขาอากาศยานแล้วได้รวม 143 คน 

จากนั้นคณะฯได้เดินทางไปเยี่ยมชม คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา  เป็นศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูงยุคใหม่ (ENTOUR) หรือ Tourism Innovation Lab (TIL) มีเป้าหมายยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน ผ่านการบ่มเพาะบุคลากรและสร้างนวัตกรรมการบริการ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (High-value and Medical Tourism) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของEEC

ภายในศูนย์ TIL-ENTOUR แบ่งออกเป็น 6 โซนหลักๆ พร้อม 19 ห้องการเรียนรู้ เช่น ห้องฝึกทดลองปฏิบัติด้านการโรงแรม ห้องปฏิบัติการสายการบิน หรือ Airline Services ห้อง Streaming Live สด ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกใช้ทักษะในสถานการณ์เสมือนจริงและห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย สามารถพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวสมัยใหม่และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น

ต่อมาได้เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นศูนย์เครือข่ายการพัฒนาบุคลากรด้านเมคคาทรอนิกส์ หรือ ENMEC (EEC Networking of Mechatronics Excellence Center) เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาทักษะบุคลากร ซึ่งศูนย์ ฯ ENMEC แห่งนี้ ได้เน้นหลักสูตรการใช้เครื่องจักรกลอัตโนมัติ ระบบหุ่นยนต์ และระบบการผลิตอัจฉริยะ เพื่อให้นักศึกษา หรือผู้ที่เข้ารับฝึกอบรมระยะสั้นตาม EEC Model Type B คือการผลิตบุคลากรในระยะเร่งด่วน ด้วยการฝึกอบรมระยะสั้น Short Course รัฐและเอกชนร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50 : 50 สามารถมีทักษะรองรับการผลิตในโรงงานที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูง และเป็นเตรียมบุคลากรเพื่อรองรับนักลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่EECต่อเนื่อง 

โรงเรียนเมืองพัทยา 11 (มัธยมสาธิตพัทยา) เป็นอีกแห่งที่ สกพอ.ให้การสนับสนุน จุดเริ่มต้น “ Soft Power เมืองพัทยา” โรงเรียนได้ทดลองใช้หลักสูตรการเรียนการสอนด้านภาพยนตร์ ตั้งเป็นศูนย์ “Content Lab” เน้นกระบวนการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านการลงมือทำจริง สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองพัทยาให้ก้าวสู่ เครือข่ายเมืองสร้างสรรรค์ด้านภาพยนตร์ขององค์การยูเนสโก

โรงเรียนก่อสร้างห้องปฏิบัติการและสติดิโอ มูลค่า 1,530,000 บาท โดย สกพอ. ให้การสนับสนุนงบประมาณ1,071,000 บาท สำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์ 25 รายการ เพื่อใช้ในการผลิตคอนเทนต์ดิจิทัล เมืองพัทยา ร่วมสมทบงบประมาณ 459,000บาท เพื่อให้เยาวชนได้ใช้ ห้องปฏิบัติการและสตูดิโอในการเรียนรู้และผลิตผลงานดิจิทัลคอนเทนต์อย่างมืออาชีพ ทั้งการเขียนบท การกำกับ การถ่ายภาพ และการตัดต่อ โดยผลงานของนักเรียนถูกนำไปเผยแพร่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่EECต่อไป

ที่ผ่านมานักเรียนได้ส่งผลงานเข้าประกวดการผลิตภาพยนตร์สั้น และได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง อาทิ ปี2567 ผลงาน”หัวใจไร้เสียง” ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 2568 ผลงาน”สืบสายหวาน” รับรางวัลภาพยนตรั้นยอดเยี่ยม และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ผลงาน”ชีวิตไมมีคู่มือ” รับรางวัลภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยมและนักแสดงชายยอดเยี่ยม เป็นต้น

นอกจากนี้มีโครงการ “จากสร้างคน สู่บริการคุณภาพ-ธุรกิจท้องถิ่นเติบโตด้วยมาตรฐาน EEC Select” โดยร้าน “Deya Massage” สปาบ้านเรือนไทย เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ EEC Select Best Service 2025 ระดับ 3 ดาว  และเป็นต้นแบบการพัฒนาธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่ EEC

“EEC Select Best Service 2025” คือการรับรองการบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อบริการที่มีคุณภาพ หรือมาตรฐานโดดเด่นมีนวัตกรรม โดยจะต้องสนับสนุนวัตถุดิบจากท้องถิ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม สถานที่ท่องเที่ยวชุมชน ที่พักโรงแรมและ Home Stay  ร้านอาหารและของที่ระลึก สปาสุขภาพ wellness และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริการ  หลักเกณฑ์คัดเลือก 5 ด้าน ได้แก่  ปัจจัยที่ใช้ในการผลิตและผลิตภัณฑ์ชุมชน  การสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน ขั้นตอนและกระบวนการให้บริการ ความโดดเด่นและความคิดสร้างสรรค์ต่อการให้บริการ และต้องสอดคล้องต่อความยั่งยืนทางการตลาด

“สำหรับความก้าวหน้าในการพัฒนาบุคลากรสำหรับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่EEC พบว่า ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้ทำงานร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ภายใต้รูปแบบ EEC Model มีการผลิตบุคลากรแล้วกว่า 118,691 คน

โดยในปี 2568 จะสามารถผลิตบุคลากรได้เพิ่มขึ้น 24,377  คน จากประมาณความต้องการบุคลากรรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่EEC ระหว่างปี 2568 – 2572 ใน 5 คลัสเตอร์หลัก พบว่ามีความต้องการกำลังคนสูงถึง 156,879 คน แบ่งเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล รวม 66,600 คน อุตสาหกรรมบริการ 50,600 คน อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต รวม 20,403 คน อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ รวม 10,857 คน และอุตสาหกรรม BCG รวม 8,419 คน” นายจุฬา กล่าวสรุปปิดท้าย

Lastest