กรมทางหลวงจัดประชุมมาเก็ต ซาวน์ดิ้ง ที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 และหมายเลข 9 เปิดเงื่อนไข กรอบสัญญา อายุสัมปทาน นักลงทุนหลากหลายสนใจเข้าร่วมคึกคัก วางแผนเปิดประมูลปี 69
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวงเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(ถนนมอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 และหมายเลข 9 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสู่มาตรฐานสากล โดยมีภาคเอกชน ทั้งจากกลุ่มผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงาน กลุ่มผู้ประกอบการด้านการก่อสร้างและบริหารมอเตอร์เวย์และทางด่วนกว่า 27 บริษัท รวมถึงสถาบันการเงิน หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจกว่า 18 หน่วยงาน เข้าร่วม
นายปิยพงษ์ กล่าวว่า วันนี้กรมทางหลวงได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นที่พักริมทาง (Rest Area) บนถนมอเตอร์เวย์ หมายเลข7 และหมายเลข 9 ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว และแต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดให้บริการเป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น ห้องน้ำ ที่จอดรถ ที่นั่งพักผ่อน ทั่วไป ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้ใช้บริการต้องการ โดยเฉพาะร้านค้า ร้านขายเครืองดื่ม อาหาร ทำให้การเดินทาง มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น วันนี้เป็นขั้นตอนการดำเนินการคัดเลือกเอกชน โดยเปิดให้เอกชนเข้ามารับฟังข้อมูลรายละเอียดของโครงการมีกี่แห่ง ที่ไหนบ้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ
จากนั้นคณะกรรมการศึกษาฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับทั้งหมดไปประมวลเพื่อสรุปผลขออนุมัติตามขั้นตอน คาดว่าต้นปี69 ได้ข้อสรุป หลังจากนั้นออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน และถ้าเป็นไปจะให้จบภายในปี69 สำหรับเงินลงทุนไม่สูง เพราะโครงการเล็ก ประกอบกับกรมทางหลวง ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้ก่อนแล้ว ส่วนระยะเวลาคร่าวๆ 10-15 ปี เพราะถ้าสั้นไปอาจจะไม่จูงใจเอกชน ถ้ายาวไปมีข้อเสียเรื่องของการพัฒนา มีโมเดลเหมือนต่างประเทศ รัฐดูแลโครงสร้าง เอกชนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
“นอกจากการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบริเวณจุดพักรถถนนมอเตอร์เวย์แล้ว กรมทางหลวงยังเตรียมที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์ทไฟฟ้า (EV Charging Station) บริเวณจุดพักรถบรรทุกที่เปิดใช้งานแล้ว175 แห่ง บนโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินทั่วประเทศ ในรูปแบบ PPP เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะจัดให้มีการประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) เร็วๆนี้” นายปิยพงษ์ กล่าว
ด้านที่ปรึกษาได้ชี้แจงรายละเอียดโครงการดังกล่าว ครอบคลุมการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางขนาดเล็ก (Rest Stop) รวม 5 แห่ง จำนวน10 จุด ได้แก่
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สาย กรุงเทพฯ–ชลบุรี–มาบตาพุด รวม 3 แห่ง 6 จุด ดังนี้
1.จุดพักรถลาดกระบัง (กม. 21) ทั้งสองฝั่ง พื้นที่ประมาณ 10 ไร่
2.จุดพักรถหนองรี (กม. 72) ทั้งสองฝั้ง พื้นที่ประมาณ 18 ไร่
3.จุดพักรถมาบประชัน (กม. 118) ทั้งสองฝั่ง พื้นที่ประมาณ 16 ไร่
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สาย ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก ช่วงบางปะอิน-บางพลี รวม 2 แห่ง 4 จุด ดังนี้
1.จุดพักรถคลองหลวง (กม. 20) ทั้งสองฝั่ง พื้นที่ประมาณ 5 ไร่
2 จุดพักรถทับช้าง (กม. 49) ทั้งสองฝั่ง พื้นที่ประมาณ 8 ไร่
ภาคเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการ บำรุงรักษา และบูรณะโครงการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของกรมทางหลวง โดยมีสิทธิรับรายได้จากโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐตามเงื่อนไขในสัญญาร่วมลงทุน
ทั้งนี้กรมทางหลวงได้กำหนดเงื่อน ตามข้อกำหนดกรมทางหลวง เรื่อง มาตรฐานและลักษณะที่พักริมทางในเขตทางหลวงพิเศษและทางหลวงสัมปทาน พ.ศ.2566 หมวด 3 ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและการจำหน่ายสินค้าและบริการ โดยกำหนดพื้นที่จำหน่ายสินค้าและบริการ ไม่รวมปั๊มนำมัน สถานีอัดปะจุไฟฟ้า สูงสุดไม่เกิน 15% พื้นที่ถนนและลานจอดรถ ไม่น้อยกว่า 30% พื้นที่สีเขียว ไม่น้อยกว่า 5%
สำหรับต้นทุนค่าใช้จายโครงการที่พักริมทางทั้งหมด รวม 5 แห่ง 10 จุด 425 ล้านบาท แยกเป็นค่าก่อสร้าง 80 ล้านบาท ค่าดำเนินโครงการ 305 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษาและบูรณะโครงการ 40 ล้านบาท ผลประมาณการรายได้ของโครงการ พื้นที่เชิงพาณิชย์ 505 ล้านบาท คิดเป็น 95% ป้ายโฆษณา 25 ล้านบาท คิดเป็น 5 % ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ(EIRR) 79.13% ผลตอบแทนด้านการเงิน (FIRR)-0.65%
ส่วนเรื่องรูปแบบสัญญา เสนอเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 รวมสัญญาลงทุนและบริหารจัดการให้เอกชนรายเดียว
รูปแบบที่ 2 แบ่งเป็น 2.1 แบ่งสัญญาตามพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ เอกชนบริหารจัดการ 3 แห่งทั้งสองฝั่ง รวม 6 จุด ได้แก่ที่พักริมทางคลองหลวง ทับช้าง ลาดกระบัง พื้นที่จังหวัดชลบุรี เอกชนบริหารจัดการ 2 แห่งทั้งสองฝั่งรวม 4 จุด ได้แก่ ที่พักริมทางหนองรี มาบประชัน 2.2แบ่งสัญญาตามทิศทางการจราจร แยกเป็นฝั่งขาเข้าเอกชนบริหารจัดการ 5 แห่ง และฝั่งขาออก เอกชนบริหารจัดการได้ 5แห่ง โดยรูปแบบ 2.1 เป็นรูปแบบที่เหมาะสม มีระยะเวลา 12 ปี โดยใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี และดำเนินการ 11 ปี โดยเอกชนจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำคงที่ (Fixed Fee) รายปีให้รัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด และค่าตอบแทนเพิ่มเติม(Additional Fee) แปรผันตามพื้นที่เชิงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นทีพักริมทางขนาดเล็ก ต่างจากที่พักริมทางศีราชา จะคิดค่าตอบแทนแปรผันตามปริมาณจราจร