VGI เผยผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568/69 รายได้ 1,123 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 33.8% สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง

บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (“VGI”) ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชันส์ ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568/69 มีรายได้จากการให้บริการและการขายรวม 1,123 ล้านบาท ลดลง 16.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการ และการขายที่ดีขึ้น (Product Mix) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 33.8% จาก 30.8% ในปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 380 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.0% ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า และบริษัทร่วมจำนวน 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 64 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพของพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความสามารถของ VGI ในการสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย

ธุรกิจสื่อโฆษณา มีรายได้ 492 ล้านบาท ลดลง 18.6% จากปีก่อน จากการปรับตัวลดลงของรายได้สื่อโฆษณาบริเวณตอม่อสถานีรถไฟฟ้า ขณะที่รายได้จากสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน และสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า ทั้งภายใน และภายนอกขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงสื่อบนสถานี ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการใช้สื่อเฉลี่ย (ไม่รวมตอม่อสถานี) อยู่ที่ 48.9% เพิ่มขึ้นจาก 47.0% ในปีก่อน เพื่อเสริมศักยภาพและความครบวงจรของสื่อ บริษัทฯ ได้เปิดตัวแพ็กเกจโฆษณาแบบบูรณาการ “Bangkok on the Move” และ “Bangkok Live” ผสานเครือข่ายสื่อของ VGI เข้ากับสื่อ Out-of-Home ของ แพลน บี มีเดีย ครอบคลุมพื้นที่สำคัญในกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในเขตเมือง และมอบความคุ้มค่าให้แก่นักการตลาด ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 364 ล้านบาท ลดลง 11.8% จากปีก่อนหน้า จากการปรับตัวลดลงของรายได้ค่าคอมมิสชันประกันภัย และ lead generation ของ แรบบิท แคร์ และรายได้จากการบริหารโครงการที่ลดลง อย่างไรก็ดี แรบบิท แคช ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดสินเชื่อ รวม 1,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.3% จากปีก่อน สนับสนุนรายได้ดอกเบี้ยและกำไรของกลุ่มดิจิทัล ขณะที่กลุ่ม Rabbit ยังคงขยายฐานผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรแรบบิทที่ออกรวมกว่า 20.4 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 9.7% จากปีก่อน ด้วยความสำเร็จของบัตรคอลเลกชันพิเศษ “Butterbear” และ “Harry Potter” ช่วยสร้างกระแสตอบรับดีเยี่ยม และเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้โดดเด่นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ นอกจากนี้ Rabbit Care ยังพัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็น “ผู้ช่วยด้านประกันภัยดิจิทัล” พร้อมขยายการให้บริการผ่านสาขาใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าทั่วประเทศ
ธุรกิจการจัดจำหน่าย มีรายได้ 267 ล้านบาท ลดลง 17.3% จากปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลงของแฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชัน อย่างไรก็ตาม Fanslink ปรับพอร์ตสินค้าให้เน้นกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 35.4% จาก 18.9% ในปีก่อน โดยแบรนด์ภายใต้การบริหาร เช่น Pando และ Amazfit ยังคงสร้างยอดขายเติบโตผ่านกิจกรรมทางการตลาดและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ พร้อมเปิดตัว “Snack Maker project” ร่วมกับครีเอเตอร์ชื่อดังหลายท่าน เพื่อขยายสู่ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นสินค้าทยอยออกสู่ตลาดภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
แม้เศรษฐกิจในไตรมาสก่อนจะชะลอตัวจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง แต่บริษัทฯ มองว่าแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3 (เดือนตุลาคม–ธันวาคม 2568) จะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยฤดูกาลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และการเข้าสู่ ช่วงไฮซีซันปลายปี ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและงบโฆษณาของภาคเอกชน บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของทั้ง 3 ธุรกิจหลักว่า จะสามารถเติบโตควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ให้ VGI เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
