Sunday, 14 December 2025 | 5 : 35 am
Sunday, 14 December 2025
5 : 35 am

“DMT” ชิงได้เปรียบ! ประมูลมอเตอร์เวย์ M5 รังสิต-บางปะอิน

บริษัท ทางระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เล็งเป้าประมูลมอเตอร์เวย์ M รังสิต-บางปะอิน ชิงความได้เปรียบก่อสร้างเชื่อมต่อสายหลักแบบไร้รอยต่อ “กรมทางหลวง” ไส่เกียร์ 5 จัดมาร์เก็ต ซาวน์ดิ้ง รับฟังความเห็นภาคเอกชนลงทุนPPP Gross Cost ตามแผนเป็นประมูลต้นปี 2569 ก่อสร้าง 4 ปี เปิดใช้บริการปี2577

เร็วๆนี้ กรมทางหลวง (ทล.) โดยกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 (M5) สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน ระยะทางรวมประมาณ 29 กม. ลักษณะโครงการเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอนุสรณ์สถาน–รังสิต ระยะทาง 7 กม. ปัจจุบันเปิดบริการอยู่แล้ว โดยกรมทางหลวงดำเนินการ และช่วงรังสิต – บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. เป็นเส้นทางที่ต้องก่อสร้างใหม่ โดยเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินก่อสร้างงานโยธาพร้อมติดตั้งระบบ O&M โดยเส้นทาง ไปสิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน

มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมรังฟังภายในงานกว่า 40 ราย หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)หรือ DMT ซึ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์M5 รังสิต-บางปะอิน เป็นการก่อสร้างสายทางใหม่ต่อจากโครงการเดิมช่วง อนุสรณ์สถาน-รังสิต อีกทั้งเชื่อมต่อสายทางสัมปทานหลัก ช่วง ดินแดง-ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน อีกด้วย

หากDMT สามารถช่วงชิงโครงการ มอเตอร์เวย์M5 รังสิต-บางปะอิน จะทำให้การบริหารจัดการตลอดแนวเส้นทางแบบไร้รอยต่อ นับเป็นจุดเด่นของ DMT

นายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เผยว่า DMTสนใจร่วมประมูลโครงการนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเส้นทางต่อเนื่องกับทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งจะมีผลดีในแง่ของการบริหารจัดการที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อ

จากเงื่อนไขที่กำหนดคุณสมบัติผู้เสนอหลักไว้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. contactor 2. supplier 3.operate และ4. investor ในส่วนของ DMT จัดอยู่ในกลุ่มไหน นายศักดา กล่าวว่า DMT ถือเป็นผู้ operate หรือผู้ให้บริการ เป็นอาชีพที่ทำมานาน หากจะเข้าร่วมจะต้องหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมงาน เป็นใคร หรือกลุ่มไหนบ้างนั้นต้องรอฟังจากคณะผู้บริหารก่อน และคงต้องรอดูรายละเอียดเงื่อนไขและการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นประมูลที่จะประกาศออกมาด้วย สถานะตอนนี้ถือว่าพร้อม

กรณีที่DMTยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ช่วงแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะส่งผลการเข้าร่วมชิงมอเตอร์เวย์M 5 รังสิต-บางปะอิน หรือไม่นั้น

” เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะบริษัทดำเนินการตามสิทธิเงื่อนไขสัญญาสัมปทานที่ระบุไว้ อีกทั้งเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หากไม่ทำอาจถูกต้องว่าไม่รักษาประโยชน์ให้บริษัท อย่างไรก็ตามไม่น่าส่งผลการยื่นประมูลโครงการ มอเตอร์เวย์ M 5 รังสิต – บางปะอิน เพราะสัญญาอื่นๆก็ทำไว้เช่นนี้เหมือนกัน” นายศักดา กล่าว

สำหรับโครงการทางยกระดับดินแดง-ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ซึ่งDMTเป็นผู้รับสัมปทานจากกรมทางหลวง จะครบสัญญาในปี 2577 ตามสัญญาจะต้องยื่นข้อเสนอไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนครบสัญญา DMT จะขอใช้สิทธิ แต่ข้อเท็จจริงงานอาจจะเปลี่ยนไป แล้วแต่ทาง เจ้าของโครงการ จะให้DMT กลับมาเป็นพาร์ทเนอร์ หรือ รูปแบบPPP Gross Cost อีกหลายปี ยังมีเวลาในการพิจารณา อย่างไรก็ตามหาก DMT ได้โครงการมอเอร์เวย์ M5 อาจเป็นผลดีต่อการเจรจาต่อสัญญา อาชีพเราก็ต้องทำให้เต็มที่

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่งเมืองหมายเลข 5 (M5) สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน ระยะทางรวมประมาณ 29 กม. ลักษณะโครงการเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอนุสรณ์สถาน–รังสิต ระยะทาง 7 กม. ปัจจุบันเปิดบริการอยู่แล้ว โดยกรมทางหลวงดำเนินการ และช่วงรังสิต – บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.

ตลอดเส้นทางมีจุดขึ้น–ลง และตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรวม 7 แห่ง ประกอบด้วย รังสิต 1. รังสิต 2. คลองหลวง 3. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4. นวนคร 5.วไลยอลงกรณ์ และ6.ประตูน้ำพระอินทร์ พร้อมจุดพักรถ (Rest Stop) บริเวณตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรังสิต 1 ขาเข้าขนาด 5 ไร ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถ ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแก่ผู้ใช้ทาง

มีรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นเจ้าของทรัพย์สินและรายได้ทั้งหมดจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ (Availability Payment) ตามผลการดำเนินงานจริง โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการรวมไม่เกิน 34 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ

ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี

ระยะที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี นับจากวันเปิดให้บริการ

สำหรับมูลค่าการลงทุนต้นทุนโครงการทั้งหมดที่ 42,055.80 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าลงทุนก่อสร้าง 30,080.80 ล้านบาท ค่างานระบบ (O&M) 11,955.60 ล้านบาท ค่า Start – up 19.40 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีค่าใช้จ่ายจุดพักรถ (Rest Stop) 1 แห่ง วงเงิน 209.30 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 7.60 ล้านบาท ค่า O&M 201.7 ล้านบาท

คาดว่าจะจัดทำ RFP เสร็จและสามารถออกประกาศเชิญชวนร่วมลงทุนโครงการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และลงนามสัญญาผู้รับงานภายในไตรมาส 4 ปี 2569 ตามแผนจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เปิดให้บริการในปี 2574

โครงการจะนำระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) มาใช้ตลอดเส้นทาง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางและลดความแออัดของการจราจรบนถนนพหลโยธินอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปิดให้บริการแล้ว จะยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังสร้างผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิกว่า 7,928 ล้านบาท และเกิดการขยายตัวของรายได้ในระบบทางเศรษฐกิจโดยรวมกว่า 120,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากการลดต้นทุนด้านเวลาเดินทาง ค่าพลังงาน และต้นทุนโลจิสติกส์

กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทาง จากรังสิต-วไลยอลงกรณ์ รถยนต์ 4 ล้อ เก็บ 20 บาท มากกว่า 4 ล้อ เก็บ 30 บาท กรณีวิ่งจากรังสิต-บางปะอิน รถยนต์ 4 ล้อ เก็บ 40 บาท มากกว่า 4 ล้อเก็บ 65 บาท โดยจะมีการปรับค่าผ่านทางทุ 5 ปี ซึ่งมีกำหนดตารางอัตราไว้ตลอด 30 ปีแล้ว โดยคำนวนตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.5% ต่อปี เพื่อปิดความเสี่ยงของกองทุนรายได้ค่าธรรมเนียมมอเตอร์เวย์ที่จะนำมาใช้ในการจ่ายคืนค่าก่อสร้าง ขณะที่คาดการณ์ปริมาณจราจรปีแรกที่เปิดให้บริการ ที่ 14.2 ล้านคัน มีรายได้ 503 ล้านบาท ปีที่ 5 เพิ่มเป็น 18.2 ล้านคัน คาดมีรายได้ 644 ล้านบาท ปีที่ 10 เพิ่มเป็น 23.9 ล้านคัน คาดมีรายได้ 939 ล้านบาท ปีที่ 20 เพิ่มเป็น 32 ล้านคัน คาดมีรายได้ 1,624 ล้านบาท และปีที่ 30 เพิ่มเป็น 40.9 ล้านคัน คาดมีรายได้ 2,890 ล้านบาท

ขณะที่กำหนดค่าลงทุนรวมที่จะใช้เป็นราคาเริ่มประมูล หรือเกณฑ์ให้เอกชนยื่นเสนอรับผลตอบแทนไม่เกินกรอบวงเงิน 47,881 ล้านบาท โดยผู้ที่เสนอขอรับผลตอบแทนจากรัฐต่ำที่สุด จะได้รับคัดเลือก โดยรัฐแบ่งจ่ายคืนค่าก่อสร้าง ไม่น้อยกว่า 15 ปี และจ่ายค่าตอบแทน O&M ระยะเวลา 30 ปี ดังนั้น ในช่วง 15 ปีแรก กรมทางหลวงจะมีภาระจ่ายคืนค่าก่อสร้างและค่าตอบแทน O&M

โครงการนี้รัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินและรายได้ค่าจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยให้เอกชนเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างงานโยธาและระบบ O&M รวมถึงจุดพักรถ ตลอดจนการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง นำส่งรัฐทั้งหมด

Lastest