Tuesday, 16 December 2025 | 12 : 52 pm
Tuesday, 16 December 2025
12 : 52 pm

เอกชนคึกคัก!!มาร์เก็ตซาวน์ดิ้ง-มอเตอร์เวย์ M5 รังสิต-บางปะอิน

กรมทางหลวงจัดมาร์เก็ต ซาวน์ดิ้ง โครงการมอเตอร์เวย์ M5 ช่วงรังสิต-บางประอิน PPP Gross Cost วางแผนประมูลต้นปี 69 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เปิดให้บริการในปี 2574

วันที่ 6 พ.ย.2568 ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ นายพงศกร จุลละโพธิ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นประธานเปิดจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 (M5) สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน ซึ่งมีวงเงินค่าลงทุนโครงการรวม 30,080 ล้านบาท ใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP Gross Cost) การจัด Market Sounding มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสนใจและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ เข้ารับฟังข้อมูลโครงการอย่างครบถ้วนและร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ อย่างรอบด้าน เพื่อให้การจัดเตรียมเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) มีความเหมาะสม รอบคอบ และโปร่งใส โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกอัครราชทูต ผู้แทนบริษัทเอกชน หอการค้า สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการในสาขาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังข้อมูลกว่า 150 คน

@ บิ๊กรับเหมาแห่เข้าร่วมฟังคึกคัก

การจัดประชุม Market Sounding มอเตอร์เวย์ M 5 ช่วงรังสิต–บางปะอิน มีบริษัทเอกชนเข้าร่วมประชุม จำนวน 40 ราย ล้วนเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างและบริหารงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่น บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด(มหาชน) , บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโนไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) เป็นต้น

@ เปิดประมูลต้นปี 69

บริษัทที่ปรึกษาโครงการ รายงานความก้าวหน้าโครงการดังกล่าว คาดว่าจะจัดทำ RFP เสร็จและสามารถออกประกาศเชิญชวนร่วมลงทุนโครงการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และลงนามสัญญาผู้รับงานภายในไตรมาส 4 ปี 2569 ตามแผนจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เปิดให้บริการในปี 2574

โครงการนี้มีรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นเจ้าของทรัพย์สินและรายได้ทั้งหมดจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ (Availability Payment) ตามผลการดำเนินงานจริง โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการรวมไม่เกิน 34 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี, ระยะที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี นับจากวันเปิดให้บริการ

โดยประมาณการต้นทุนค่าใช้จ่ายโครงการทั้งหมดที่ 42,055.80 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าลงทุนก่อสร้าง 30,080.80 ล้านบาท ค่างานระบบ (O&M) 11,955.60 ล้านบาท ค่า Start – up 19.40 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีค่าใช้จ่ายจุดพักรถ (Rest Stop) 1 แห่ง วงเงิน 209.30 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 7.60 ล้านบาท ค่า O&M 201.7 ล้านบาท

@ รูปแบบโครงการ

โครงการมอเตอร์เวย์ M 5 ช่วงรังสิต–บางปะอิน มีระยะทางรวมประมาณ 29 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอนุสรณ์สถาน–รังสิต ระยะทาง 7 กม. ปัจจุบันเปิดบริการอยู่แล้ว โดยกรมทางหลวงดำเนินการ และช่วงรังสิต – บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. เป็นเส้นทางที่ต้องก่อสร้างใหม่ โดยเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินก่อสร้างงานโยธาพร้อมติดตั้งระบบ O&M โดยเส้นทาง ไปสิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน

ตลอดเส้นทางมีจุดขึ้น–ลงและตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรวม 7 แห่ง ประกอบด้วย รังสิต 1, รังสิต 2, คลองหลวง, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นวนคร, วไลยอลงกรณ์ และประตูน้ำพระอินทร์ พร้อมจุดพักรถ (Rest Stop) บริเวณตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรังสิต 1 ขาเข้าขนาด 5 ไร ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถ ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแก่ผู้ใช้ทาง

@ โครงการรัฐ100%

ด้านนายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า โครงการนี้รัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินและรายได้ค่าจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดยให้เอกชนเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างงานโยธาและระบบ O&M รวมถึงจุดพักรถ ตลอดจนการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง นำส่งรัฐทั้งหมด

โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทาง จากรังสิต-วไลยอลงกรณ์ รถยนต์ 4 ล้อ เก็บ 20 บาท มากกว่า 4 ล้อ เก็บ 30 บาท กรณีวิ่งจากรังสิต-บางปะอิน รถยนต์ 4 ล้อ เก็บ 40 บาท มากกว่า 4 ล้อเก็บ 65 บาท โดยจะมีการปรับค่าผ่านทางทุ 5 ปี ซึ่งมีกำหนดตารางอัตราไว้ตลอด 30 ปีแล้ว โดยคำนวนตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.5% ต่อปี เพื่อปิดความเสี่ยงของกองทุนรายได้ค่าธรรมเนียมมอเตอร์เวย์ที่จะนำมาใช้ในการจ่ายคืนค่าก่อสร้าง ขณะที่คาดการณ์ปริมาณจราจรปีแรกที่เปิดให้บริการ ที่ 14.2 ล้านคัน มีรายได้ 503 ล้านบาท ปีที่ 5 เพิ่มเป็น 18.2 ล้านคัน คาดมีรายได้ 644 ล้านบาท ปีที่ 10 เพิ่มเป็น 23.9 ล้านคัน คาดมีรายได้ 939 ล้านบาท ปีที่ 20 เพิ่มเป็น 32 ล้านคัน คาดมีรายได้ 1,624 ล้านบาท และปีที่ 30 เพิ่มเป็น 40.9 ล้านคัน คาดมีรายได้ 2,890 ล้านบาท

ขณะที่กำหนดค่าลงทุนรวมที่จะใช้เป็นราคาเริ่มประมูล หรือเกณฑ์ให้เอกชนยื่นเสนอรับผลตอบแทนไม่เกินกรอบวงเงิน 47,881 ล้านบาท โดยผู้ที่เสนอขอรับผลตอบแทนจากรัฐต่ำที่สุด จะได้รับคัดเลือก โดยรัฐแบ่งจ่ายคืนค่าก่อสร้าง ไม่น้อยกว่า 15 ปี และจ่ายค่าตอบแทน O&M ระยะเวลา 30 ปี ดังนั้น ในช่วง 15 ปีแรก กรมทางหลวงจะมีภาระจ่ายคืนค่าก่อสร้างและค่าตอบแทน O&M ทั้งนี้

@ ระบบเก็บเงินอัตโนมัติ (M-Flow)

โครงการจะนำระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) มาใช้ตลอดเส้นทาง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางและลดความแออัดของการจราจรบนถนนพหลโยธินอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปิดให้บริการแล้ว จะยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังสร้างผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิกว่า 7,928 ล้านบาท และเกิดการขยายตัวของรายได้ในระบบทางเศรษฐกิจโดยรวมกว่า 120,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากการลดต้นทุนด้านเวลาเดินทาง ค่าพลังงาน และต้นทุนโลจิสติกส์


โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน เป็นโครงการสำคัญภายใต้แผนแม่บททางหลวงพิเศษระหว่างเมือง พ.ศ. 2560–2579 ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครกับจังหวัดปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา รวมถึงเป็นเส้นทางสายหลักสำหรับการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างภาคกลางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธินตอนบนและถนนวิภาวดีรังสิต ส่งเสริมให้การเดินทางและการขนส่งมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษของประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์และเชื่อมโยงทุกภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ

@ DMT พร้อมลุย ชิงความได้เปรียบบริหารแบบไร้รอยต่อ

นายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT กล่าวว่า บริษัทฯ สนใจร่วมประมูลโครงการนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเส้นทางต่อเนื่องกับทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งจะมีผลดีในแง่ของการบริหารจัดการที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อ อย่างไรก็ตาม บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการ ดังนั้นจะต้องหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมงาน ในด้านการก่อสร้างและอื่นๆ ซึ่งคงต้องรอดูรายละเอียดเงื่อนไขและการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นประมูลที่จะประกาศออกมาด้วย

สำหรับโครงการทางยกระดับดินแดง-ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับสัมปทานจากกรมทางหลวง จะครบสัญญาในปี 2577 ซึ่งก่อนหมดสัญญา 5 ปี บริษัทจะมีการเสนอขอต่อสัญญาตามเงื่อนไขต่อไป

“กรณีที่บริษัทฯยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ช่วงแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ไม่น่าส่งผลการยื่นประมูลโครงการ มอเตอร์เวย์ M 5 “รังสิต – บางปะอิน” เพราะบริษัทดำเนินการตามสิทธิเงื่อนไขสัญญาที่ระบุไว้” นายศักดา กล่าว

@ บีทีเอสสนใจเข้าร่วม

ด้านนายชัยศักดิ์ ศรีเศรษฐนิล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส อินฟราสตรัคเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า  สนใจในโครงการ เพราะเป็นการร่วมทุนแบบ PPP Gross Cost ที่ให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้าง และบริหารโครงการโดยการจ้างของหน่วยงานเจ้าของโครงการ ไม่ใช่การให้สัมปทานโครงการแก่ภาคเอกชนทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงมาก


Lastest